10 อาหารที่ “กินแล้วฉลาด” ยิ่งกิน ยิ่งฉลาด
อยากฉลาด เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากจะฉลาด ซึ่งในวันนี้เรามีวิธีบำรุงสมอง แล้วจะมาบอกอาหารการกินที่จะสามารถ กินแล้วฉลาด
คนเรามักจะพูดกันว่ากินอะไรก็จะได้อย่างนั้น สมองของเราก็เช่นเดียวกัน แหล่งพลังงานที่เราได้รับเข้าไปในร่างกายแต่ละอย่างนั้นได้รับประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้นแล้วอยากจะให้สมองทำงานได้ดี อยากจะทำให้สมองนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องรับประทานอาหารที่บำรุงสมองให้เพียงพอเท่านั้นเอง และในวันนี้เราจะมาบอก 10 อาหารที่กินแล้วฉลาดกัน
10. ชา
ชาเขียวและชาดำที่ชงเสร็จใหม่ๆ มีสรรพคุณต้านสารอนุมูลอิสระได้ดีเทียบเท่ากับคาเฟอีน นอกจากนี้ยังช่วยขยายหลอดโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง ทำให้ความจำและอารมณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับกาแฟ เราควรดื่มชาแต่พอดีจึงจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งก็คือสามถึงสี่แก้วต่อวันเท่านั้น
สรรพคุณ ต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยขยายหลอดโลหิต
9. ทับทิม
น้ำทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรจำกัดปริมาณการดื่มไว้ที่ 50 – 75 มล. ต่อหน่วยบริโภคเพราะการดื่มมากเกินไปจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ผสมน้ำทับทิมกับน้ำเปล่าแล้วดื่มหลายๆ ครั้งต่อวัน หรือจะรับประทานทับทิบสดประมาณ 250 กรัมก็ได้
อย่าดื่มมากไป
น่าดื่ม
8. ดาร์คช็อคโกแล็ต
คนส่วนใหญ่ชอบรับประทานช็อคโกแล็ต ข่าวดีก็คือ ช็อคโกแล็ตไม่เพียงอุดมไปด้วยสารรต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังเท่านั้น แต่ยังมีคาเฟอีนที่ช่วยเรื่องสมาธิอีกด้วย นอกจากนี้ ดาร์คช็อคโกแล็ตยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเอ็นดอร์ฟินที่ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น ควรเลือกรับประทานช็อคโกแล็ตคุณภาพเยี่ยมที่มีสัดส่วนของโกโก้สูง ไม่ใช่ช็อคโกแล็ตเชิงอุตสาหกรรมที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง ไม่ต้องรับประทานมาก เพียงแค่ 10 ถึง 25 กรัมก็ได้ประโยชน์แล้ว
มีส่วนช่วยเรื่องสมาธิ
ต้องเป็นดาร์คช็อก
7. แซลมอน
แซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และมีสารป้องกันการอักเสบที่ช่วยบำรุงการไหลเวียนของโลหิตและการทำงานของสมอง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมและหลอดโลหิตสมอง รวมทั้งบำรุงความจำ ลองรับประทานปลาชนิดนี้สองสามครั้งต่อสัปดาห์ จะรับประทานเป็นปลาย่าง อบ หรือต้มก็ได้
ช่วยการทำงานของสมอง
บำรุงความจำ
6. ถั่ว
มีประโยชน์ และหารับประทานได้อย่างง่ายมากๆ สำหรับถั่วทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นถั่วดำ ถั่วปากอ้า และถั่วเลนทิล เป็นอาหารที่มีเส้นใยมากและปล่อยพลังงานอย่างช้าๆ ช่วยรักษาระดับกลูโคสในร่างกายให้เสถียรตลอดวันและบำรุงร่างกายและจิตใจ
บำรุงกายและใจ
มีประโยชน์
5. กาแฟ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อาหารเสียทีเดียว แต่ทั้งคาเฟอีนและเมล็ดกาแฟก็ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ประโยชน์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการกระตุ้นการทำงานของสมองมาจากสารคาเฟอีน ดังนั้นคุณจึงต้องจำกัดปริมาณกาแฟที่รับเข้าสู่ร่างกาย แค่ดื่มกาแฟวันละสองถึงสามแก้วก็เพียงพอแล้ว
กระตุ้นการทำงานของสมอง
รับประทานแต่พอดี
4. บลูเบอร์รี่
เราทราบกันดีว่าบลูเบอร์รีอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะความเครียดออกซิเดชันในร่างกาย จึงช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคเกี่ยวกับความชราได้ ยิ่งเราอายุมากขึ้น ร่างกายของคนเราจะต้องเผชิญกับโมเลกุลชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายซึ่งเราเรียกมันว่าอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความอันตรายของพวกมันได้ ด้วยเหตุนี้ ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นอาหารที่สำคัญ ลองเติมบลูเบอร์รีหนึ่งถ้วยเข้าไปในสมูธตี้ โยเกิร์ต หรือซีเรียลก็ดีไม่น้อย
ช่วยความจำ
ลดความเครียด
3. อะโวคาโด
การรับประทานอะโวคาโดเล็กน้อยดีต่อสุขภาพในทุกๆ ด้าน เพราะในอะโวคาโดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดอะมิโน ที่ช่วยลดความดันโลหิตและบรรเทาการอักเสบในร่างกายของคนเรา แนะนำให้รับประทานอะโวคาโด 1/4 ถึงครึ่งผลทุกวัน
ลดความดันโลหิต
สารต้านอนุมูลอิสระและกรดอะมิโน
2. ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช
ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชอุดมไปด้วยวิตามินอีที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทั้งยังมีไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลเดี่ยวที่ดีต่อหัวใจ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงไว้เสมอว่าถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชหลายชนิดมีไขมันชนิดอื่นสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานเกิน 250 กรัมต่อวัน หลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วคลุกเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น อัลมอนด์และวอลนัทเป็นทางเลือกที่ดีในกรณีนี้
ดีต่อหัวใจ
รับประทานแต่พอดี
1. ธัญพืช
ธัญพืชเต็มเมล็ดพบได้ในอาหารประเภทขนมปังโฮลวีท พาสต้า ซีเรียล จมูกข้าวสาลี และข้าวกล้อง อาหารเหล่านี้ดีต่อการหมุนเวียนโลหิตเนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใย กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้เซลล์สมองทำงานได้ดี
ดีต่อการหมุนเวียนโลหิต
อุดมไปด้วยวิตามินอี
รู้กันแล้วใช่ไหมว่าเราควรเลือกกินอาหารอะไรบ้างที่สามารถบำรุงสมองของเราได้ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าลืมที่จะนำ 10 อาหารเหล่านี้มากินให้ได้บ่อยๆ
เพื่อที่จะทำให้สมองของเรานั้นได้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลองทำดูสัก 1 เดือนจะเห็นผลได้ยังไม่น่าเชื่อจริงๆ
ภาพ / เรียบเรียงส่วนหนึ่งโดย : Postsasra
ขอขอบคุณ : honestdocs, GalaxyA